สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในไทย คำพูดนี้ดูไม่เกินจริงเลยค่ะ เพราะอุณหภูมิหน้าร้อนปีนี้พรุ่งทะยานไปแตะ 40 องศาฯ เกือบทุกที่ทั่วไทย เรามาดูกันค่ะว่าสาเหตุว่าทำไมปีนี้ถึงร้อนสุด ๆ
ภาพรวมสถานการณ์ปีนี้
มีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย บริเวณประเทศไทยตอนบนจะอยู่ที่ 36-37 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าปกติ 1-1.5 องศาเซลเซียส จาก 35.4 องศาเซลเซียส และจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา จากอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 35.8 องศาเซลเซียส ส่วนกรุงเทพฯ อุณหภูมิสูงสุด 40-41 องศาเซลเซียส โดยอากาศจะร้อนอบอ้าว และร้อนจัดในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น แม่ฮ่องสอน, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, ตาก, สกลนคร และอุดรธานี อุณหภูมิสูงสุด 42-44 องศาเซลเซียส ตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. ไปจนถึงต้นเดือน พ.ค.
เรียกได้ว่าอุณหภูมิช่วงหน้าร้อนของประเทศไทยทำเอาแต่ละจังหวัดต้องเผชิญอุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป อีกทั้งดัชนีความร้อนก็พุ่งสูงขึ้นถึง 50 องศาเซลเซียสในหลายพื้นที่ จนหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมประเทศไทยจึงมีอุณหภูมิที่ร้อนรุนแรงขนาดนี้
ผู้เชี่ยวชาญ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้ข้อสังเกตว่าทำไมอากาศถึงร้อนแบบนี้ด้วยกัน 3 ข้อ
- การเปลี่ยนแปลงภาคพื้นอากาศของโลกร้อนมากขึ้น อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดย 50 ปีที่ผ่านมา เพิ่มมาแล้ว 3-4 องศาเซลเซียส จึงทำให้เรารู้สึกว่าอุณหภูมิร้อนกว่าปกติ
- ประเทศไทยเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งจะเกิดยาวนานขึ้น ถี่ขึ้น และรุนแรงขึ้น ซึ่งนี่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ โดยปรากฏฎการณ์นี้จะทำให้อุณหภูมิของประเทศไทยสูงขึ้นตามไปด้วย
- คลื่นความร้อนที่เรียกว่า Monster Asian Heatwave หรือ ปีศาจคลื่นความร้อนแห่งเอเชีย ที่ไทย และประเทศเพื่อนบ้านในทวีปเอเชียได้เผชิญอยู่จึงทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบความร้อนไปเต็ม ๆ
อาจกล่าวได้ว่าที่ไทยร้อนขึ้นขนาดนี้เป็นผลพวงมาจาก ทั้งคลื่นความร้อน ปรากฏการณ์เอลนีโญ และรวมถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ของโลกเรา จึงทำให้ปีนี้รู้สึกร้อน อบอ้าว แสบตัวไปตาม ๆ กัน
ในอนาคตสภาพอากาศจะแปรปรวนมากกว่านี้ และจะร้อนกว่าเดิม ประเทศไทยรวมถึงประเทศมหาอำนาจทั้งหลายเองก็ควรต้องร่วมกันผลักดันนโยบายเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิอากาศให้เป็นวาระระดับชาติ เพื่อให้สามารถสู้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้
สำหรับเราทุกคนต้องร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาสภาวะโลกร้อนด้วยกันนะคะ
ที่มา : สำนักข่าว Spring News
0 Comments