Schedule a call with us HERE
Logo
26 Nov 2024

ถ้าอยากเจ๊ง! ร้านค้าทำตามนี้เลย…

คงไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนทำธุรกิจแล้วอยากเจ๊งไม่เป็นท่าใช่ไหมคะ ? ลองเช็คดูกันว่าร้านของคุณยังทำสิ่งเหล่านี้อยู่หรือเปล่า เพราะถ้าทำแล้วเกินครึ่งหนทางไปสู่การ “เจ๊ง” คงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล มีอะไรกันบ้างมาลองดูกัน

1.ไม่ทำบัญชี ระวังขายดีจนเจ๊ง

การไม่ทำบัญชี ทำให้เราไม่รู้รายรับ-จ่าย ของร้านที่แน่ชัด ทำให้เราไม่รู้ว่ามีกระแสเงินสดที่อยู่ในระบบเท่าไหร่ รวมถึงการนำเงินออกไปใช้จ่ายส่วนตัว ไม่แยกกระเป๋าให้ชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจของเรามีรายจ่ายมากกว่ารายรับจนนำไปสู่การกู้ยืมเงินหมุนเวียน และต้องปิดกิจการในที่สุดเมื่อขาดสภาพคล่องทางการเงิน

แนวทางการแก้ไขและป้องกันการจัดการกระแสเงินสดที่ไม่ดี

  1. จัดทำงบประมาณและแผนการเงินล่วงหน้า วางแผนรายรับ-รายจ่ายในแต่ละเดือน และคาดการณ์เงินสดที่จำเป็นในอนาคต
  2. ติดตามกระแสเงินสดอย่างใกล้ชิด ใช้ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือทางการเงินเพื่อตรวจสอบรายรับและรายจ่ายแบบเรียลไทม์
  3. บริหารสินค้าคงคลังให้เหมาะสม ลดการเก็บสต็อกเกินจำเป็น เพื่อให้มีเงินสดพร้อมหมุนเวียนในธุรกิจ
  4. วางแผนการกู้ยืมอย่างรอบคอบ หากจำเป็นต้องกู้ยืมเงิน ควรเลือกแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม พร้อมวางแผนการชำระคืนที่ชัดเจน
  5. วางแผนแบ่งเก็บเงินสดสำรอง ก็บเงินสดสำรองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น รายจ่ายที่ไม่คาดคิด

2. ไม่ใส่ใจความต้องการของลูกค้า

การละเลยความต้องการและความคิดเห็นของลูกค้าเป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดสำคัญที่อาจนำไปสู่การสูญเสียลูกค้าและความล้มเหลวของธุรกิจ โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

  • มุ่งเน้นเป้าหมายด้านยอดขายมากเกินไป ละเลยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เพราะให้ความสำคัญกับตัวเลขทางการเงินเป็นหลัก
  • ขาดช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
  • ไม่ให้ความสำคัญต่อความคิดเห็นของลูกค้า ไม่นำข้อคิดเห็นของลูกค้ามาปรับปรุงหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์/บริการ
  • ไม่ให้ความสำคัญต่อการสร้างความภักดีของลูกค้า (Customer Loyalty) หลายธุรกิจไม่ให้ความสำคัญ หรือมองข้ามลูกค้าเก่าและมุ่งเน้นการหาลูกค้าใหม่โดยไม่ได้สร้างฐานลูกค้าประจำ

แนวทางการดูแลลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

  1. สร้างฐานลูกค้าประจำ นำเทคโนโลยี เช่น ระบบ CRM เข้ามาช่วยเก็บข้อมูลลูกค้า รวมถึงพฤติกรรมการซื้อ เพื่อนำไปพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่สุด
  2. เน้นการให้บริการที่ใส่ใจ ฝึกอบรมพนักงานให้มีทักษะการสื่อสารที่ดี และเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
  3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ใช้ระบบสะสมแต้ม เพื่อสร้างกิจกรรมพิเศษ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์

3.ทำการตลาดแบบตามใจฉัน

การออกโปรโมชันเยอะ ๆ ก็อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป การทำโปรโมชันจนทำให้ธุรกิจล้มเหลวสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการใช้กลยุทธ์โปรโมชันที่ไม่ยั่งยืนหรือไม่สมดุล นี่คือบางเหตุผลที่อาจทำให้โปรโมชันนำไปสู่ความล้มเหลว:

  • โปรโมชันที่ไม่สามารถทำกำไรได้ บางครั้งธุรกิจอาจเสนอบริการหรือสินค้าที่ราคาต่ำเกินไป ลดราคาเกินไป โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนและค่าใช้จ่าย
  • โปรโมชันที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย การเสนอโปรโมชันที่ไม่ได้ตรงกับความต้องการหรือพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย แม้ว่าจะมีการโปรโมทอย่างดี แต่ไม่สามารถดึงดูดลูกค้าที่เหมาะสมได้ ทำให้โปรโมชันไม่ส่งผลบวก
  • การทำโปรโมชันระยะสั้นที่ไม่ได้เน้นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ลูกค้าหยุดใช้บริการหลังจากโปรโมชันหมด ทำให้ธุรกิจไม่สามารถสร้างฐานลูกค้าในระยะยาวได้
  • ขาดการวิเคราะห์ผลลัพธ์จากโปรโมชัน การไม่ทราบว่าผลลัพธ์ของการทำโปรโมชัน ธุรกิจจะไม่สามารถปรับกลยุทธ์โปรโมชันให้ได้ประสิทธิภาพในอนาคต

การทำโปรโมชันที่ไม่ระมัดระวังอาจทำให้ธุรกิจล้มเหลวได้ หากไม่คำนึงถึงต้นทุน ความต้องการของลูกค้า หรือผลกระทบระยะยาว จึงควรทำโปรโมชันอย่างมีความคิดสร้างสรรค์และรอบคอบ เพื่อสร้างผลประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว.

4.ขยายธุรกิจเร็วเกินไป

การขยายธุรกิจเร็วเกินไปเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลายๆ ธุรกิจล้มเหลวหรือประสบปัญหาทางการเงิน เนื่องจากการขยายตัวที่ไม่สมดุลหรือขาดการวางแผนที่ดี อาจทำให้ธุรกิจเผชิญกับความท้าทายที่ไม่สามารถรับมือได้ นี่คือลักษณะของการขยายธุรกิจเร็วเกินไปและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น:

  • การใช้ทรัพยากรอย่างไม่คุ้มค่า การเปิดสาขาใหม่ การจ้างพนักงานเพิ่ม หรือการขยายสินค้าบริการโดยไม่แน่ใจว่ามีความต้องการในตลาดหรือไม่ อาจทำให้ต้นทุนสูงเกินไป และธุรกิจไม่มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ
  • การขาดการวางแผนระยะยาว ธุรกิจที่ขยายตัวเร็วอาจไม่ได้วางแผนการเติบโตในระยะยาวอย่างรอบคอบ หรือไม่ได้เตรียมพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
  • ฐานลูกค้าที่จำกัด การขยายธุรกิจเร็วเกินไปอาจหมายถึงการไม่สามารถสร้างฐานลูกค้าใหม่ที่มั่นคงในพื้นที่หรือสาขาใหม่

แนวทางการขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

  1. วางแผนอย่างรอบคอบ: ควรศึกษาความต้องการของตลาดและทบทวนแผนการเติบโตระยะยาว
  2. เพิ่มการลงทุนอย่างมีขั้นตอน: ขยายธุรกิจในขั้นตอนที่ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้สามารถปรับตัวและควบคุมการขยายตัวได้
  3. เน้นการควบคุมคุณภาพ: รักษาคุณภาพของสินค้าและบริการที่นำเสนอในทุกขั้นตอนของการขยายธุรกิจ
  4. พัฒนาฐานลูกค้า: ควรสร้างและรักษาฐานลูกค้าที่มั่นคงในตลาดใหม่

การขยายธุรกิจอย่างระมัดระวังและการวางแผนที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้.

5.บริหารพนักงานไม่ดี


การจัดการพนักงานที่ไม่ดีสามารถส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจ เพราะพนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนธุรกิจ หากการจัดการพนักงานไม่ดี จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจทำให้ธุรกิจล้มเหลวได้

  • การจ้างพนักงานที่ไม่เหมาะสม การจ้างพนักงานที่ไม่ตรงกับความต้องการของตำแหน่งงาน หรือไม่สามารถทำงานได้ตามมาตรฐานที่ธุรกิจต้องการ
  • ขาดการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ การไม่ให้การฝึกอบรมหรือพัฒนาทักษะให้กับพนักงาน อาจทำให้พนักงานไม่มีความสามารถในการทำงานที่ดีหรือไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจได้
  • การขาดการสื่อสารที่ดี การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างผู้บริหารและพนักงาน เช่น ขาดการประชุมอย่างสม่ำเสมอ หรือไม่แจ้งให้พนักงานทราบถึงเป้าหมายขององค์กร
  • การไม่ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของพนักงาน เช่น การไม่ให้ผลประโยชน์ที่เหมาะสม หรือไม่พยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน เมื่อความพึงพอใจของพนักงานลดลง อาจทำให้พนักงานขาดความกระตือรือร้นในการทำงานและความมุ่งมั่นในองค์กร

แนวทางการจัดการพนักงานที่ดี

  1. การสื่อสารที่ชัดเจน: สื่อสารเป้าหมายและวิสัยทัศน์ขององค์กรให้พนักงานทุกคนเข้าใจ
  2. การฝึกอบรมและพัฒนา: มอบโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะเพื่อให้พนักงานมีความสามารถที่สูงขึ้น
  3. การให้ข้อเสนอแนะ: ให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์และยอมรับความพยายามของพนักงาน
  4. การให้รางวัลอย่างยุติธรรม: จัดการรางวัลและการลงโทษอย่างยุติธรรม เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจให้พนักงาน
  5. การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี: สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันและให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงาน

การจัดการพนักงานอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้ดีและรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้อย่างยั่งยืน.

6.ไม่ปรับตัวตามตลาด

การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจคงอยู่และเติบโตได้ในระยะยาว หากธุรกิจไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง อาจสูญเสียโอกาสและความสามารถในการแข่งขันในที่สุด การที่ธุรกิจยึดติดกับโมเดลธุรกิจ หรือ วิธีการทำงานแบบเดิม ไม่มีการศึกษาคู่แข่ง หรือนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ส่งผลให้ธุรกิจไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงจนนำไปสู่การเจ๊งในอนาคต

แนวทางการปรับตัวให้ทันตลาด

  1. ติดตามเทรนด์และวิเคราะห์ตลาดอย่างต่อเนื่อง: สำรวจพฤติกรรมลูกค้าและกระแสในอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอ
  2. ยอมรับการเปลี่ยนแปลง: เปิดใจรับนวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ ๆ ที่อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
  3. ลงทุนในเทคโนโลยี: ใช้เครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ธุรกิจทันสมัย เช่น การตลาดดิจิทัล หรือการปรับกระบวนการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ
  4. ฟังเสียงลูกค้า: รับฟังคำแนะนำและความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าหรือบริการ
  5. ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ: พร้อมเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจหรือแผนงานให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน
  6. เรียนรู้จากคู่แข่ง: ศึกษาวิธีการของคู่แข่งที่ประสบความสำเร็จ และนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของตัวเอง

แล้วตอนนี้ธุรกิจของคุณยังทำแบบนี้อยู่หรือไม่ หากมีมากกว่าสามข้อต้องรีบปรับตัวโดยด่วนเพื่อไม่ให้ธุรกิจที่เราสร้างมากับมือพังลงไป ให้ Loga ระบบ CRM ที่มีเครื่องมือในการกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างครบครันเป็นตัวช่วยธุรกิจของคุณ

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ LINE: @loga

Tags: , , , , , , , ,
Post by WEBMASTER

0 Comments