หลาย ๆ คน อาจจะสังเกตว่าเดือนตุลาคม เป็นเวลาที่ใครหลายคนถึงมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิต ไ่ม่ว่าจะเป็น การตัดสินใจลาออก บอกเลิกกับแฟนที่รู้สึกว่าไม่ใช่ ล้มเลิกกิจกกรรมที่เคยทำมาก่อน ตลอดจนปรากฎการวิกฤติทางการเงินสำคัญ ๆ ก็มักจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้คนมีมุมมองต่อเดือนตุลาคมที่ไม่ดีจนก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า October Theory หรือ ทฤษฎีเดือนตุลาคม
โดยสาเหตุที่ทำไมต้องเป็นเดือนตุลาคมไม่ใช่เดือนอื่น ๆ ทั้งนี้อาจมองได้ในมุมมองจิตวิทยาที่ว่า เดือนตุลาคมเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู ทั้งสภาพอากาศและใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่ในธรรมชาติทำให้คนได้ทบทวนตัวเองเพื่อเตรียมตัวสำหรับปีใหม่
ซึ่งนอกจากคนทั่วไปเริ่มหันไปทำสิ่งใหม่ นี่ก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่แบรนด์ต่าง ๆ สามารถลงมือทำแคมเปญการตลาดเพื่อส่งท้ายปี ตลอดจนการตลาดของปีใหม่
ช่วงเดือนตุลาคมนี้หลายแบรนด์อาจจะรู้สึกได้เลยว่ายอดขายทั้งสินค้าและบริการนั้นลดลงกว่าช่วงเดือน ๆ ของในปีเดียวกันทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากการวางแผนจับจ่ายเพื่อรับปีใหม่ ซึ่งแบรนด์ที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงเช่น ร้านขายเสื้อผ้าแฟชันต่าง ๆ เพราะคนลดการจับจ่ายของใช้ฟุ่มเฟือยลง แต่ในทางกลับกันบางแบรนด์อาจไม่รู้สึกถึงผลกระทบนั้น ๆ เลยก็ได้เพราะขายสินค้าจำเป็น
ทั้งนี้แบรนด์สามารถเลือกวางแผนแคมเปญการตลาดสำหรับช่วงนี้ได้เพื่อให้มีช่องทางการสื่อสารไปยังลูกค้าได้อย่างแนบแน่นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
- เน้นคอนเทนท์ตามวันสำคัญ – นอกจากเดือนตุลาคมนี้จะมีวันฮาโลวีนที่หลาย ๆ แบรนด์เลือกทำ content แล้วยังมีวันสำคัญอื่น ๆ ที่น่าสนใจให้เหล่าทีมการตลาดเลือกทำแคมเปญเพื่อให้เข้ากับแบรนด์ตัวเองได้ เช่น วันที่ 16 ตุลาคม – วันอาหารโลก วันที่ 21-29 ตุลาคม – เทศกาลกินเจ 27 ตุลาคม – วันแมวดำแห่งชาติ ก็สามารถเลือกทำ content ให้เข้ากับแบรนด์ได้
- เจาะกลุ่มลูกค้าด้วยโปรโมชั่น “ลดความฟุ่มเฟือยแต่เพิ่มคุณค่า” – ในช่วงที่คนลดการใช้จ่ายกับสิ่งไม่จำเป็น (Non-essential items) แบรนด์แฟชันหรือสินค้าฟุ่มเฟือยต่าง ๆ สามารถปรับกลยุทธ์โปรโมชั่นให้เน้นคุณค่ามากกว่าแค่ส่วนลดราคา เช่น เน้นสินค้าจำเป็น แทนที่จะเน้นแค่ “แฟชั่นใหม่ล่าสุด” หรืออการออกโปรแบบซื้อสินค้าเป็นชุดผลิตภัณฑ์ (Bundling) ที่ประหยัดขึ้น เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นการซื้อที่ “ฉลาด” และ “จำเป็นต้องใช้” มากกว่าซื้อแยกที่ละสินค้า การทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้มากขึ้น
- สร้างแคมเปญกระตุ้นความภักดี (Loyalty & Retention) – เดือนตุลาคมเป็นโอกาสดีที่จะดูแลฐานลูกค้าเก่าให้รู้สึกพิเศษ เพราะการรักษาลูกค้าเก่าใช้ต้นทุนน้อยกว่าการหาลูกค้าใหม่มาก เช่น ส่วนลดพิเศษ, การเข้าถึงสินค้าใหม่ก่อนใคร, หรือคะแนนสะสมคูณสอง เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าการเป็นสมาชิกมีสิทธิประโยชน์จริง ๆกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าในช่วงนี้เพื่อสะสมแต้มหรือยอดซื้อ เพื่อนำไปแลกของรางวัล หรือใช้เป็นส่วนลดใหญ่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึง ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า “ยอดใช้จ่ายตอนนี้จะมีผลในเดือนหน้า”
การตลาดในช่วงเดือนตุลาคมจึงเป็นช่วงแห่งการ “สร้างสายสัมพันธ์” (Build Relationship) และ “ปูทาง” (Pave the Way) สำหรับการเก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเทศกาลใหญ่ปลายปี โดยแบรนด์สามารถเลือกเครื่องมือการตลาดอย่างระบบสมาชิกและ CRM อย่าง Loga ที่มีฟีเจอร์ครบสำหรับการทำการตลาดของแบรนด์ มาช่วยในการวางแผนธุรกิจสำหรับการบริหารจัดการลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวได้
เพราะ การรักษาฐานลูกค้าประจำได้ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง
0 Comments