ในยุคนี้ไม่มีใครไม่รู้จักแอปยอดนิยมอย่าง “Tiktok”
ในยุคนี้เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักแอปพลิเคชัน TikTok ซึ่งถือเป็นแอปยอดนิยมของคนทั่วโลก นอกจากนั้นยังถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพื้นที่สำหรับการทำตลาดดิจิทัล ที่สามารถเข้าถึงผู้คนจำนวนมากอย่างกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้เจ้าของกิจการต่างๆ หันมาสร้างคอนเทนต์และการโฆษณาผ่านช่องทาง TikTok เป็นจำนวนมาก
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าการโฆษณาบน Tiktok ที่เราเคยเห็นกัน มี 2 รูปแบบ มาดูกันว่าทั้ง 2 รูปแบบนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร และการโฆษณาแบบไหนคนสนใจและเห็นผลลัพธ์ทางการโฆษณาได้ดีกว่ากัน
แบบที่ 1 Spark Ads
การโฆษณาแบบ Spark Ads เราสามารถดูได้จากการที่จะมีปุ่มบวก หรือสัญลักษณ์การเพิ่มเพื่อน โดยเวลาที่เราปัดจอไปทางซ้ายหรือจิ้มรูปก็จะสามารถเข้าไปดูโปรไฟล์ของแบรนด์ได้ สามารถกดติดตาม และเข้าไปดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ ถือว่าเป็นการโฆษณาแบบแนบเนียนมากทำให้น่าสนใจมากกว่าการที่จะปัดทิ้ง คลิปบางอย่างเราไม่สามารถแยกออกด้วยซ้ำว่าเป็นการโฆษณา หรือว่าคอนเทนต์ปกติ
แบบที่ 2 Diversion Ads
การโฆษณาแบบ Diversion Ads เป็นโฆษณาที่ไม่มีสามารถเข้าไปดูโปรไฟล์ได้ เพราะไม่มีโปรไฟล์ และไม่สามารถกดติดตามได้ แต่… มาเป็น Ads ใน Tiktok ได้ยังไงกันล่ะ Diversion Ads เป็นการที่ลงคลิปโฆษณาโดยไม่ต้องมีบัญชีกับ Tiktok ก็ได้ ถ้าเกิดเราเห็นคลิปแล้วสนใจเราสามารถปัดซ้ายแล้วมันจะพาเราไปหน้าเว็บไซด์ของแบรนด์นั้น ๆ เลย
มาดูความแตกต่างระหว่าง Spark Ads กับ Diversion Ads กัน
Spark Ads เราสามารถกดไปดูโปรไฟล์ หรือกดติดตาม และดูคอนเท้นต์ต่างๆ ของบัญชีนั้นได้ ซึ่งการทำโฆษณาแบบนี้ทำให้คนส่วนใหญ่สนใจมากกว่า และสร้างความน่าจดจำแบรนด์ได้ดีมากกว่า ส่วน Diversion Ads เราไม่สามารถกดไปดูโปรไฟล์ได้ เพราะไม่มีบัญชี แต่ถ้าเรากดไปที่คลิปหรือปัดซ้ายมันจะพาเราไปหน้าเว็บไซด์ของตัวแบรนด์โดยตรงเลยสามารถกดซื้อสินค้านั้นๆ ได้เลย ประมาณว่าชอบก็กดเข้าไปเลือกดูสินค้า เเละซื้อสินค้าได้ทันที
ดังนั้นการโฆษณาสินค้าบน Tiktok ในช่วงนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก และทั้ง 2 รูปแบบ มีข้อดีแตกต่างกัน คุณควรเลือกใช้การโฆษณารูปแบบที่เหมาะกับเป้าหมายทางการตลาด รวมไปถึงที่เหมาะสมกับสินค้าหรือแบรด์ของคุณ
0 Comments