การยื่นภาษีออนไลน์ 2566 สามารถทำออนไลน์ง่ายๆ ผ่านระบบ E-filing ของกรมสรรพากรได้เลย
สำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวยื่นเสียภาษี หรือมือใหม่ที่เพิ่งยื่นเป็นครั้งแรก ลองไปดูกันว่าเอกสารที่ต้องเตรียมยื่นภาษีออนไลน์มีอะไรบ้าง รวมถึงวิธียื่นภาษีออนไลน์ มีขั้นตอนเป็นยังไงไปดูกันเลย!
ยื่นภาษี 2566 ได้ถึงวันไหน หมดเขตเมื่อไร?
เริ่มยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ซึ่งการยื่นภาษีด้วยตัวเองแบบกระดาษ สามารถยื่นได้ที่สำนักงานสรรพากรได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567 และสำหรับการยื่นภาษีออนไลน์จะเปิดให้ยื่นได้ถึงวันที่ 9 เม.ย. 2567
เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนการยื่นภาษี 2566 มีอะไรบ้าง?
- หนังสือรับรองเงินเดือน (50 ทวิ) จากนายจ้าง เป็นเอกสารที่ระบุว่าปีนั้นมีรายได้รวมเท่าไหร่ มีการหักชำระกองทุน หรือเงินทุนสำรองต่างๆ
- รายการลดหย่อนภาษี ที่รวบรวมไว้ตลอดทั้งปี ได้แก่ ค่าเลี้ยงดูบิดา-มารดา รายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี, บุตร หรืออุปการะคนพิการ
- เอกสารที่ใช้ลดหย่อนตัวเองและลดหย่อนภาษีต่างๆ เช่น ใบเสร็จเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ/สะสมทรัพย์, กองทุน RMF, กองทุน SSF, กองทุน TESG และเงินบริจาคต่างๆ
- ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบจากการซื้อขายสินค้า (E-Tax invoice)
วิธียื่นภาษีออนไลน์ 2566
- เข้าเว็บไซต์กรมสรรพากร (คลิก) จากนั้นเลือกปุ่ม “ยื่นออนไลน์” (สามารถยื่นภาษีตั้งแต่วันนี้ – 9 เม.ย. 67)
2. เข้าสู่ระบบ E-filing ของกรมสรรพากร กดปุ่ม “เข้าสู่ระบบ” ส่วนใครที่เพิ่งยื่นภาษีเป็นครั้งแรกต้องสมัครสมาชิกก่อน
สำหรับผู้ที่เคยยื่นแล้วก็สามารถ log in เข้าระบบได้เลยโดยกรอกเลขประตัวผู้เสียภาษีอากร หรือชื่อผู้ใช้งาน (เลขประจำตัวประชาชน) และรหัสผ่าน (ที่เคยตั้งไว้) จากนั้นกดปุ่มเข้าสู่ระบบ
3. กรอกรหัส OTP กรมสรรพากรมีการเพิ่มระบบ OTP เพื่อยืนยันตัวตน หากใช้เบอร์เดิมให้เลือกเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งไว้ ระบบจะส่งรหัส OTP มายังเบอร์ที่ใช้ในปัจจุบัน หากมีการเปลี่ยนเบอร์ให้ระบุเบอร์โทรศัพท์ใหม่ จากนั้นกดขอรหัส OTP
4. เลือกยื่นแบบภาษีเงินได้ ภ.ง.ด. 90/91 ระบบจะแสดงหน้าจอผู้มีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กดยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91 ซึ่งเป็นแบบภาษีเงินได้ประจำปี
5. กรอกข้อมูลผู้เสียภาษี ระบบจะแสดงข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ทั้งเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร, ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, สถานที่ติดต่อ, ร้านค้า/กิจการส่วนตัว (ถ้ามี) และให้ระบุสถานะในปัจจุบันด้วย จากนั้นเลือกกดถัดไป
6. กรอกข้อมูลรายได้ โดยนำข้อมูลมาจากหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) พร้อมกรอกเลขผู้จ่ายเงินได้ (เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบริษัทที่เราทำงานอยู่) เช่น รายได้จากเงินเดือน, รายได้จากฟรีแลนซ์-รับจ้างทั่วไป-วิชาชีพอิสระ, รายได้จากทรัพย์สิน การทำธุรกิจ, รายได้จากการลงทุน และรายได้จากมรดกหรือได้รับมา หากเป็นพนักงานประจำหรือมนุษย์เงินเดือน เลือกรายได้จากเงินเดือน กดที่ “ระบุข้อมูล“
7. กรอกค่าลดหย่อน ระบบจะแสดงรายการค่าลดหย่อนภาษีที่เรามีในปี 2566 โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว, กลุ่มที่ 2 ค่าลดหย่อนกลุ่มออมเงินและลงทุน, กลุ่มที่ 3 ค่าลดหย่อนกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล และกลุ่มที่ 4 ค่าลดหย่อนบริจาค
(กรอกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม หรือใครที่มีการออมการลงทุนต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษี)
8. ตรวจสอบข้อมูล หากกรอกข้อมูลในแต่ละกลุ่มครบถ้วนแล้วให้ตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง ทั้งข้อมูลเงินได้ทั้งหมด , การคำนวณภาษี และยอดที่ชำระ (ขอคืน) (หากมียอดเงินที่ต้องเสียภาษีสามารถขอผ่อนชำระภาษีได้)
9. ยืนยันการยื่นแบบ เมื่อตรวจสอบข้อมูลครบถ้วนแล้ว กดปุ่ม “ยืนยันการยื่นแบบ” เป็นอันเสร็จสิ้นการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ใครที่กำลังเตรียมยื่นภาษี แนะนำให้รีบยื่นภาษีออนไลน์ได้เลย ทำง่ายๆ สะดวก รวดเร็ว แถมได้รับเงินภาษีคืนไวขึ้นอีกด้วย
0 Comments