ทำไมร้านบุฟเฟต์ชอบเปิดเพลงเศร้า แล้วทำไมร้านกาแฟชอบเปิดเพลงสบาย ๆ หรือ ทำไมซูกเปอร์มาร์เก็ตจากญี่ปุ่นถึงมีเพลงประจำร้านที่เราฟังแล้วเผลอร้องตาม เราจะมาไขความลับเบื้องหลังเสียงเพลงเหล่านี้กันค่ะ

หลายคนคงจะคุ้นเคยกับเพลงติดหูสมัยเราเด็ก ๆ กันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น ” แลคตาซอย 5 บาท 125 มิลลิลิตร” “ฟาร์มเฮาส์สดใหม่ทุกเช้า ฟาร์มเฮาส์หอมกรุ่นจากเตา” เรียกได้ว่าเมื่อเพลงขึ้นมาเมื่อไหร่ทำให้เรานึกถึงภาพสินค้าได้ตามมาทันที เพราะเพลงมีผลต่อการรับรู้ของเราค่ะ

ทราบหรือไม่ว่าเสียง หรือเพลง มีผลต่อการซื้อของลูกค้าด้วย

หลายคนน่าจะมีเพลงโฆษณาที่ติดอยู่ในหัว เวลาได้ยินเพลงแนวนี้ทีไรก็ทำให้นึกถึงสินค้า หรือร้านบางอย่างทันที เพราะว่าเสียงเพลงมีผลต่อการรับรู้ และสร้างภาพจำหรืออัตลักษณ์ของสินค้านั้น นี่เองเป็นสาเหตุที่ร้านค้าอย่าง Donki (ดงกิโฮเตะ) เลือกใช้เพลงที่สนุกสนาน พร้อมกับเนื้อที่จำง่าย เพื่อสร้างภาพจำของแบรนด์ และทำให้สิ่งนี้ไปติดอยู่ในหัวของลูกค้าแบบลบออกไปได้ยากหรือที่เราเรียกว่า earworm music

ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้เสียงเพลงหรือดนตรีเข้ามาใช้ในการตลาดจะไปช่วยภาพจำของแบรนด์ และกระตุ้นต่อมความอยากซื้อสินค้าของลูกค้าเพราะเพลงของเรามันติดอยู่ในหัว! แม้ว่าจะมีสินค้าแบบเดียวกันในท้องตลาดหลายเจ้าแต่เพลงที่ติดหูนี่แหละจะช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อของแบรนด์เรา

fun fact! ทราบไหมคะว่าก่อนหน้านี้นมถั่วเหลืองยี่ห้อหนึ่งไม่ได้ขายดีแบบทุกวันนี้จนกระทั่งมีเพลงฮิตติดหู ทำให้คนสนใจแบรนด์มากขึ้น และสร้างยอดขายให้แบรนด์โตขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นการใช้ music marketing ที่ประสบความสำเร็จสุด ๆ

Music Marketing คืออะไร

Music Marketing คือกลยุทธ์ทางการตลาดที่นำ “เสียงเพลงและดนตรี” มาใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารเพื่อโฆษณาแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หรือใช้ในการโปรโมตสินค้า บริการ ไปจนถึงแคมเปญต่าง ๆ เพื่อช่วยสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ และโน้มน้าวใจให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายรู้สึกคล้อยตาม ชื่นชอบ ไปจนถึงเกิดการอุดหนุนตามมา จนกลายมาเป็นความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)

แนวทางการประยุกต์ให้เข้ากับธุรกิจในยุคนี้

1. หาจุดยืนและแนวทางของแบรนด์: เจ้าของธุรกิจต้องหาจุดขาย หรือลักษณะเด่นของแบรนด์ว่าต้องการจะนำเสนอมุมมองไหนให้ลูกค้าเห็น เมื่อได้จุดยืนของแบรนด์แล้วก็จะช่วยให้ขั้นตอนในการทำการตลาดด้วยเพลงง่ายขึ้น เพราะรู้ว่าเพลงสไตล์ไหนเหมาะกับเรา
2. วางกลุ่มเป้าหมายและจุดประสงค์ในการสื่อสาร: รู้กลุ่มเป้าหมายของสินค้าเราว่าเป็นคนกลุ่มไหน และชอบอะไรเพื่อให้เพลงของเราติดหูไวขึ้น และโปรโมตได้ถูกจุด
3. เพลงที่ใช้ต้องสั้น กะทัดรัด และมีคำติดหู: เลือกใช้วลีฮิตในช่วงนั้น หรือ สโลแกนที่แบรนด์ต้องการมานำเสนอมาทำเป็นคำซ้ำ ๆ ในเพลง เพื่อให้เกิดการสร้างภาพจำของสินค้าแบบ earworm music ที่เราสะบัดออกไปจากหัวไม่ได้
4. ต่อยอดไปสร้างระบบความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม: จากการสำรวจของ Brand Channel พบว่า 96% ของแบรนด์ที่ใช้เพลงเข้ากับตัวตน จะช่วยให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้มากกว่า ขณะที่การทดลองของ HUI Research พบว่า เพลงที่เข้ากับตัวตนของแบรนด์ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้น 9% ด้วยปัจจัยนี้เองทำให้ร้านสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น และลูกค้าเองก็มีแนวโน้มจะกลับมาซื้อซ้ำจนเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า Brand Loyalty

ระบบสมาชิกและ CRM เข้ามามีบทบาทใน Brand Loyalty อย่างไร

• ระบบสมาชิกที่ให้ลูกค้าสะสมแต้มแลกของรางวัลจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า เพราะลูกค้ารู้สึกถึงการมีส่วนร่วม (customer engagement) ยิ่งลูกค้าได้มีส่วนร่วมมากเท่าไหร่ยิ่งส่งผลดีต่อแบรนด์เท่านั้น
• ร้านค้าสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าที่มีในมือพร้อมแบ่ง tier ลูกค้าให้ออกเป็นระดับต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน และเป็นการเพิ่มความรู้สึกกระตือรือร้นในการใช้จ่าย สิ่งนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากอัปเดตสถานะให้ได้สิทธิพิเศษเพิ่มขึ้น
• ลูกค้าสามารถตรวจสอบประวัติการใช้จ่ายต่าง ๆ ของตนเองได้เลยผ่านช่องทาง LINE OA ของร้านทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในธุรกิจของเรา
• ร้านติดตามลูกค้าที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายเยอะ หรือลูกค้าที่หายไปนานได้จากนั้นสามารถส่งคูปองเพื่อกระตุ้นกลุ่มคนเรานี้ให้มาใช้งานที่ร้านมากขึ้น
• ร้านสามารถออกแบบแคมเปญ หรือ โปรโมชันที่ตรงใจกลุ่มลูกค้าของร้านได้แม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ทำได้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลบน Loga BI ที่จะบอกข้อมูล insight ของลูกค้าของคุณได้อย่างละเอียด และเรียลไทม์ทำให้ไม่พลาดทุกการอัปเดตที่สำคัญ

ทั้งนี้ร้านค้าอาจไม่จำเป็นต้องลงทุนจำนวนมากเพื่อเริ่มแต่งเพลงเองใหม่ทั้งหมด หากยังไม่รู้ถึงความจำเป็นและมีทรัพยากรที่จำกัดร้านอาจเริ่มต้นด้วยสิ่งง่าย ๆ อย่างการมีระบบสมาชิกและ CRM ที่ราคาค่าใช้จ่ายจับต้องได้มากกว่า แถมยืดหยุ่นในการใช้งาน

ให้ Loga ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจของคุณและลูกค้า สนใจระบบสมาชิกสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @loga ค่ะ

Related posts:

Music Collection ร้านขายเครื่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพิ่มยอดขายด้วยเทคนิค FOMO Marketing The most common mistake small business made Content Marketing แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจร้านอาหาร